การประมูลที่พันธวณิช
เกี่ยวกับชุดพิพิธภัณฑ์รายละเอียดการเข้าร่วมประมูลเงื่อนไขและข้อกำหนดการขายราคาเริ่มต้นประมูลแคตตาล็อคชุดพิพิธภัณฑ์พันธวณิช
select chapter, page no. or key in keywords, i.e., coin Srivichai period    




Download this Chapter | Download Registration Form | Previous Chapter | Next Chapter

P.117 - P.118


บทที่ ๓๘ ส่งอื่นๆที่ใช้แทนเงินตรา
CHAPTER 38: OTHER USAGE OF COINS

“เบี้ย” จะใช้เป็นเงินปลีกย่อยตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยเรื่อยมา จะทำจากหอยชนิดต่างๆ ส่วนมากจะเป็นหอย รูปนูน เคยมีการกำหนด ๖,๔๐๐ เบี้ยมีค่าเท่ากับ เงินหนึ่งบาท ดังนั้นการจะใช้ซื้อขายกันทีต้องหาหอยเบี้ยมา มากมาย เรียกว่าบางช่วงหอยเบี้ยขาดตลาดเลยทีเดียว เลิกใช้เบี้ยกันจริงๆประมาณ รัชกาลที่ ๔ เพราะเริ่มมีเงินอีแปะ (เหรียญดีบุก) ออกใช้ และคนนิยมมากกว่า

“ประกับดินเผา” ประมาณช่วงปลายอยุธยา (สมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ) เบี้ยหอยขาดแคลนมาก จึงนิยมใช้ ประกับดินเผาที่ทำจากดินเป็นรูปต่างๆ เช่น ดอกบัว, กระต่าย, ไก่ เป็นต้น ใช้แทนเบี้ยหอยในชั่ว ระยะหนึ่ง แต่เนื่องจากชำรุดง่าย จึงใช้เป็นช่วงสั้นๆเท่านั้น

“ปี้” ตั้งแต่สมัยอยุธยา มีการเปิดบ่อนการพนันกันมาก ขุนพัฒน์ (ผู้ที่รับคัดเลือกให้คุมบ่อน) จึงใช้วัสดุที่เป็นทองเหลือง ให้ผู้เล่นการพนันแลกด้วยเงินจริง เมื่อเล่นเสร็จ ก็จะนำปี้ทองเหลืองมา แลกเป็นเงินคืน ปี้ทองเหลืองจะมีรูปร่างต่างๆมากมาย ดูสวยงาม เช่นรูปคน, รูปนก, รูปจักร ชื่อคน เป็นต้น ปัจจุบันนักสะสมนิยม เก็บรูปที่ไม่ซ้ำกัน ราคาค่อนข้างแพงมูลค่าการซื้อขาย ชิ้นละ ๒,๐๐๐ บาท (เห็นไหมของเก่า ยิ่งนาน ยิ่งแพง) นอกจากปี้ทองเหลืองแล้ว ยังมีปี้ที่ทำด้วยแก้ว, เขาสัตว์, ดีบุกอีกมาก

“ปี้กระเบื้อง” ประมาณต้นรัตนโกสินทร์ ขุนพัฒน์ได้ทดลองสั่งปี้ที่ผลิตด้วยกระเบื้องเคลือบจาก ประเทศจีน และได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะใช้สะดวก น้ำหนักเบา คงทน มีผลิตเป็นรูปภาพและสีต่างๆ มากกว่า ๕,๐๐๐ แบบ

คงไม่ต้องสงสัยนักสะสมก็ต้องหาสะสมกัน ราคามีตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักพัน แล้วแต่ความสวยของ รูปทรงและความหายาก

สมัยรัชกาลที่ ๕ ได้ประกาศให้เลิกใช้ปี้ทั้งหมด เพราะมีการหากำไรจากนายบ่อน โดยเมื่อคนทั่วไป เห็นค่าปี้แทนเงิน ก็มีการซื้อขายกัน แต่นายบ่อนจะประกาศเปลี่ยนชนิดปี้บ่อย เมื่อประชาชนมาแลกคืนไม่ทัน นายบ่อนก็กำไรมาก จึงเป็นที่เดือดร้อนของประชาชนทั่วไป

เหรียญสลึงและเฟื้องงอ เป็นรูปถ้วย เมื่อไม่มีปี้ใช้ นายบ่อนจึงขออนุญาตทางการใช้เงินเฟื้อง สลึง จริงๆในสมัยรัชกาลที่ ๕ และรัชกาลที่ ๖ เอามาทำให้โค้งงอ และเป็นรูปถ้วย เพื่อใช้แทนปี้แต่สะดวกกว่าเหรียญแบนเพราะสามารถเกี่ยวได้ง่าย คงจำ ได้เวลาดูหนัง ในบ่อนคาสิโน จะมีการใช้เหล็กเกี่ยวชิ๊พมาที่เจ้ามือ แสดงว่ามีมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว





ปี้ทองเหลือง - Metal Tokens




ปี้แก้ว - Glass Tokens




เหรียญสลึงและเฟื้องงอ และ รูปถ้วย - Coins Bowl Shape




ปี้กระเบื้อง - Ceramic Tokens





จะทำการประมูลทั้งชุดรวมทั้งหมด ๑ รายการเท่านั้นโดยจะไม่มีการแยก ในราคาเริ่มต้นที่ ๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (ยี่สิบล้านบาทถ้วน)

To be sold as a whole collection in one lot starting price at 20,000,000 Baht (Twenty Million Baht)




เกี่ยวกับชุดพิพิธภัณฑ์รายละเอียดการเข้าร่วมประมูลเงื่อนไขและข้อกำหนดการขายราคาเริ่มต้นประมูลแคตตาล็อคชุดพิพิธภัณฑ์พันธวณิช